บุกทลายเครือข่ายค้ายา ซุกยาบ้าใต้แพเมืองกาญจน์ โดดน้ำหนีซ่อนตัวบนฝ้า ไม่รอดโดนจับ

บุกทลายเครือข่ายค้ายาเสพติด ซุกยาบ้าใต้แพเมืองกาญจน์ โดดน้ำหนีซ่อนตัวบนฝ้า ไม่รอดโดนจับ เหลืออีกคนยังหลบหนี เตรียมออกหมายจับ

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 8 มิ.ย. 2564 นายธนณัฏฐ์ ศรีสันต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาญจนบุรี สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี เดินทางเข้าตรวจสอบแพพักริมน้ำหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่บริเวณท่าจอดแพแห่งใหม่ ริมแม่น้ำแควใหญ่ เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี

หลังได้รับข้อมูลจากพลเมืองดีว่า แพแห่งนี้เป็นแหล่งมั่วสุมของกลุ่มผู้เสพและผู้ค้ายาบ้าในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี จากการเข้าตรวจค้น พบชาย 2 คนอยู่บนแพ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเพื่อขอเข้าทำการตรวจค้น แต่จู่ๆ ชายคนหนึ่งได้กระโดดหนีลงไปในแม่น้ำแควใหญ่ เจ้าหน้าที่พยายามกระโดดน้ำลงไปติดตามแต่ไม่พบตัว

เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวชายอีกหนึ่งคนมาสอบสวน ทราบชื่อคือ สุริยา แดงหิรันย์ อายุ 44 ปี เป็นพี่ชายของนายสายัณห์ แดงหิรันย์ อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของแพหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่พยายามขอให้นายสุริยาเปิดห้องพักบนแพให้ตรวจค้น แต่นายสุริยาไม่ให้ความร่วมมือ โดยอ้างว่าไม่มีกุญแจห้อง เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบพบว่า ห้องพักบนแพหลังนี้ มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย ใช้ระบบกุญแจแบบสแกนลายนิ้วมือและใส่รหัสผ่าน ไม่เหมือนกับห้องพักบนแพทั่วไป เจ้าหน้าที่จึงใช้วิธีงัดหน้าต่างห้องพักเพื่อเข้าไปภายใน

จากการตรวจสอบพบว่าในห้องพักมีการดัดแปลงพื้นห้องทำเป็นช่องลับที่สามารถเปิดออก เพื่อลงไปใต้แพได้ บริเวณใต้แพยังทำช่องลับซ่อนกล่องกระดาษใบใหญ่ ภายในซุกซ่อนยาบ้าที่บรรจุในถุงพลาสติกใส รวม 11 ห่อ หรือประมาณ 1,100 เม็ด

นอกจากนี้ ในห้องยังพบสมุดบัญชีในชื่อของนายสายัณห์ ซึ่งเป็นเจ้าของแพอีกหลายธนาคาร เงินสดเป็นธนบัตรทั้งของไทยและของเมียนมาจำนวนมาก พระเครื่องและนาฬิการาคาแพงอีกหลายเรือน เจ้าหน้าที่จึงยึดเอาไว้เพื่อตรวจสอบ และจะขอออกหมายจับนายสายัณห์ ซึ่งเป็นเจ้าของแพที่ยังหลบหนีการจับกุม

ทั้งนี้ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจค้นอยู่บนแพ ได้ยินเสียงดังมาจากบริเวณด้านบนฝ้าเพดาน เจ้าหน้าที่จึงรีบกระจายกำลังกันออกปิดล้อม พร้อมใช้ไม้กระทุ้งฝ้าเพดาน คาดว่าเป็นผู้ต้องหาอีกรายที่ฉวยโอกาสกระโดดน้ำหลบหนีไป น่าจะซ่อนตัวอยู่บนฝ้าเพดาน โดยใช้เวลาอยู่ประมาณ 5 นาที จึงสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่กระโดดน้ำหนี พบสภาพตัวยังคงเปียกชุ่ม

สอบสวนผู้ต้องหาคนดังกล่าว คือนายภูวนัย พังคานนท์ อายุ 38 ปี แต่ให้การปฏิเสธ ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับยาเสพติดที่พบบนแพ แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่านายภูวนัยน่าจะเป็นหนึ่งในเครือข่ายผู้ค้าและผู้เสพยาบ้าที่ใช้แพพักหลังนี้เป็นแหล่งมั่วสุมและกบดาน คาดว่าที่นายภูวนัยกระโดดน้ำหนีเจ้าหน้าที่ เพื่อดำน้ำมาใต้แพและนำยาบ้ามาซุกซ่อนในช่องลับ ก่อนอาศัยช่องลับที่อยู่ใต้แพ ปีนเข้ามาอยู่ภายในห้องที่ปิดล็อก ก่อนปีนขึ้นไปซ่อนตัวบนฝ้าเพดาน

นายธนณัฏฐ์ ศรีสันต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี กล่าวว่า จากนโยบายการปรับปรุงจัดระเบียบแพ บริเวณท่าน้ำหน้าเมืองกาญจนบุรี ของผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อปรับภูมิทัศน์ริมน้ำให้สวยงามและเป็นระเบียบนั้น พบว่าผู้ประกอบการแพ รวมถึงชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนแพริมน้ำส่วนใหญ่ ยินยอมให้ความร่วมมือย้ายออกจากพื้นที่และไปอาศัยอยู่ในบ้านที่ทางจังหวัดจัดหาให้ เหลือเพียง 13 รายที่ยังคงไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ จนทำให้ต้องเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องขับไล่ตามกฎหมาย

“ขณะนี้คดีใกล้จะสิ้นสุด แต่เจ้าของแพกลุ่มนี้ยังคงไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ กระทั่งทางจังหวัดได้รับข้อมูลจากพลเมืองดีว่า แพหลังนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ และเป็นแพที่กลุ่มผู้ค้าและผู้เสพยาบ้าใช้เป็นแหล่งมั่วสุมซื้อขายและเสพยาบ้า จนนำมาสู่การนำกำลังเข้าตรวจสอบและจับกุมในครั้งนี้” นายธนณัฏฐ์ กล่าว

ภาพและที่มาข่าวสด

(Visited 136 times, 1 visits today)

You May Have Missed

error: Content is protected !!