6 ชีวิตตกรถ! หลังจะไปหาญาติวันสงกรานต์ พ่อกังวลจน ตร.สังเกตเห็น เงินไม่พอ-ข้าวก็ไม่ได้กิน ยื่นมือช่วย-แม่ค้าไม่คิดเงิน
ชื่นชมตำรวจ พ่อค้า แม่ค้า บริจาคเงินคนละเล็กละน้อยเลี้ยงอาหาร 6 ชีวิตตกรถ ไม่มีเงินค่าโดยสาร หลังจะไปหาญาติ แต่เงินกลับไม่พอ ข้าวก็ยังไม่ได้กิน แม่ค้าใจดี
วันที่ 13 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพและข้อความว่า “วันที่ 12 เม.ย.64 เวลาประมาณ 3 ทุ่ม พบพ่อแม่ลูก 6 คนเดินทางมาจากต่างจังหวัดผ่านมาทางหล่มสักเพื่อจะเดินทางต่อไปยังโคราช แต่ไม่มีเงินค่ารถโดยสาร โชคดีที่มาเจอคนหล่มสักใจดีมีน้ำใจ ได้รับการช่วยเหลือจากแม่ค้าขายอาหารหน้า สภ.หล่มสัก โดยการนำของ ด.ต.พีระพัฒน์ น้อยแก้ว ได้ช่วยประสานให้การช่วยเหลือเรื่องอาหารและเงินค่ารถโดยสารเพื่อเดินทางกลับบ้าน ขอชื่นชมความมีน้ำใจของตำรวจ สภ.หล่มสักและแม่ค้าขายอาหารที่ช่วยอนุเคราะห์ให้ครอบครัวนี้ได้อิ่มท้องทำอาหารให้กินฟรีๆ ทั้ง 6 คน ในฐานะที่ตัวเองรู้เห็นเหตุการณ์ด้วยก็ได้ช่วยสมทบทุนให้การช่วยเหลือเรื่องค่าเดินทาง ถึงแม้จะเป็นเงินหลักร้อยแต่มันคือน้ำใจ”
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปที่ร้านอาหารดังกล่าว พบเป็นร้านอาหารตามสั่งตั้งอยู่ติดกับศูนย์จราจร สภ.หล่มสัก ใกล้กับท่ารถโดยสารประจำทางในตัวเมืองหล่มสัก โดย น.ส.ถาวร พุทธองค์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านเปิดเผยว่า ตนเปิดร้านขายอาหารตามสั่งมานานแล้ว ตั้งแต่ 07.00– 24.00 น.ทุกๆ วัน และในวันดังกล่าวเวลาประมาณ 3 ทุ่มได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มสัก พาสามีภรรยาพร้อมด้วยลูกๆ อีก 4 คน รวมเป็น 6 คนมาที่ร้าน โดยบอกว่าเป็นครอบครัวที่ตกรถ ไม่มีเงินค่ารถกลับบ้าน
แล้วบอกให้ตนทำอาหารให้ ตนจึงทำข้าวผัดให้สำหรับเด็กคนละจานและทำกะเพราราดข้าวให้ผู้ใหญ่ 2 จาน เมื่อกินเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจ่ายเงินค่าข้าวให้ แต่ตนไม่รับเพราะสงสาร และถือว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันที่กำลังลำบาก แต่ตนก็ไม่ได้สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวดังกล่าวเพราะมัวแต่ขายอาหาร เนื่องจากขณะนั้นมีลูกค้ามาซื้อหลายคน ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็เคยมีคนมาขอกินข้าวฟรีเนื่องจากไม่มีเงิน ซึ่งตนก็ให้กินฟรี เพราะถือว่าเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่ก็นานๆ จะมีมาสักครั้ง
ด้าน ด.ต.พีระพัฒน์ น้อยแก้ว อายุ 51 ปี ผบ.หมู่ สส.สภ.หล่มสัก เปิดเผยว่า ตนออกมากินข้าวที่ร้านอาหารดังกล่าว ซึ่งอยู่ด้านหน้า สภ.หล่มสัก เมื่อกินเสร็จก็จะเดินกลับไปที่ สภ. แต่สังเกตเห็นว่ามีครอบครัวหนึ่งซึ่งมีลูกมาด้วย 4 คน โดย 2 คนอายุน่าจะประมาณ 4-5 ขวบ และอีกคนน่าจะไม่เกิน 2 ขวบ อยู่ด้านหน้า สภ.โดยผู้เป็นพ่อมีท่าทางกังวลและเดินไปเดินมา ตนจึงถามว่ามาติดต่อเรื่องอะไร ชายคนดังกล่าวจึงบอกว่าเดินทางมาจากอุตรดิตถ์เพื่อที่จะไปหาญาติที่นครราชสีมา โดยได้นั่งรถมาลงที่พิษณุโลกและต่อรถมาลงที่หล่มสัก เพื่อจะต่อรถไปที่ลำนารายณ์ จ.ลพบุรี และต่อไปที่ จ.นครราชสีมา
แต่เมื่อมาถึงที่หล่มสัก ปรากฏว่ามีเงินเหลือติดตัวเพียง 100 บาท ไม่พอค่ารถไปลพบุรี จึงไม่รู้จะทำอย่างไร อีกทั้งก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็นกันเลย ตนได้สอบถามและสังเกตพฤติกรรมแล้วคาดว่าน่าจะไม่ใช่พวกมิจฉาชีพอย่างแน่นอน จึงพาไปที่ร้านอาหารตามสั่งดังกล่าว เพื่อที่จะสั่งอาหารให้กินและตนตั้งใจจะเป็นผู้จ่ายค่าอาหารเอง แต่เมื่อได้เล่าเรื่องราวให้กับเจ้าของร้านฟังแล้วปรากฎว่าเจ้าของร้านไม่คิดเงินเพราะเกิดความสงสาร และนอกจากนั้นบรรดาพ่อค้า แม่ค้าที่อยู่ใกล้เคียงเมื่อทราบเรื่องก็ช่วยกันบริจาคเงินคนละเล็กละน้อย จากนั้นตนก็นำไปซื้อตั๋วรถ และยังมีเงินเหลือสำหรับติดตัวไว้ใช้จ่ายอีกประมาณ 300 บาท
ด.ต.พีระพัฒน์ เปิดเผยอีกว่า ที่ผ่านมาขณะที่ตนปฏิบัติหน้าที่สิบเวรและฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็จะมีผู้ที่มาขอความช่วยเหลืออยู่เป็นประจำไม่ว่าจะไม่มีเงินกินข้าวบ้าง ตกรถบ้าง ซึ่งตนและแม่ค้าแถวนั้นก็จะช่วยกันให้การช่วยเหลือ แต่จะไม่ให้เป็นตัวเงิน ส่วนมากจะซื้อข้าวให้กินรวมทั้งซื้อตั๋วให้เป็นต้น