ทหารซิ่งเก๋งชนโจ๋ร่างแหลกจ่าย 5 พัน พ่อแจงรอประกันช่วย ปัดโพสต์เปรียบเหยียบงู

โดยโพสต์ดังกล่าวระบุข้อความว่า “พวกคุณคิดยังไงกับรถที่โครงหักรถเสียศูนย์จะซ่อมให้แล้วมาให้ผมผ่อนต่อ จากชีวิตที่กำลังดี จะต้องมานั่งบำบัดนั่น ขาผมก็หัก ผมนอนไอซียู 10 วัน และนอนโรงบาลต่ออีกเป็นเดือน ตอนนั้นผมยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ ผมผ่าตัดขาหัวท้องหน้าผมก็ผิดรูปต้องบำบัด ฟันผมก็หัก ไหนจะค่าโรงบาล ค่าใช้จ่าย ค่ากับข้าว พ่อผมไม่ได้ทำงาน แกดูแลผมเพราะผมเดินไม่ได้…”

ที่มา AMARIN ทุบโต๊ะข่าว
ที่มา AMARIN ทุบโต๊ะข่าว

วันที่ 29 มี.ค. 64 ผู้สื่อข่าวได้รับกล้องนาทีเกิดเหตุที่ผู้เสียหายถูกรถเก๋งของทหารอากาศพุ่งชนอย่างจัง ซึ่งรถเก๋งของทหารอากาศฝ่าสัญญาณไฟแดงด้วย

ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ ตำบลในเมืองอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น บ้านของผู้เสียหายที่ นายวิสุทธิ์ ทะวลี อายุ 18 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ และนายนิกุล ทะวลี พ่อ อายุ 47 ปี เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุวันที่ 10 ก.พ. 64 ถูกรถเก๋งของคู่กรณีที่ขับมาด้วยความเร็ว พุ่งชนอย่างจัง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งหากดูจากกล้องวงจรปิด จะรู้ว่าขับด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า 130-140 กม./ชม. อีกทั้งฝ่าไฟแดงด้วย ซึ่งก็ไม่ทราบว่าตำรวจมีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของทหารอากาศคนขับหรือไม่

ทั้งนี้ ภายหลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนมีการนัดให้คุยกับคู่กรณีที่ สภ.เมืองขอนแก่น แต่กลับไม่ได้เจอทหารอากาศคนที่ขับรถเลย เพราะคู่กรณีให้พ่อกับแม่เดินทางมาพบแทน การเจรจาในครั้งแรก คู่กรณีบอกเพียงว่าส่วนการรักษาและการซ่อมที่เสียหายกว่า 80% นั้น ต้องรอประกัน ซึ่งตนก็เดือดร้อนเพราะต้องใช้รถไปทำงาน สุดท้ายกรณีจ่ายให้แค่ 5,000 บาทเท่านั้น

ที่มา AMARIN ทุบโต๊ะข่าว

นายนิกุล พ่อของผู้บาดเจ็บ กล่าวต่อว่า ตนและลูกชายไม่ได้รับการเยียวยาจากคู่กรณี ทั้งเรื่องเงินรักษาพยาบาล การผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง รวมทั้งการซ่อมรถยังไม่ได้รับการซ่อมแซมจากคู่กรณี ยังไม่มีประกันเข้ามารับผิดชอบ ตนจึงมองว่าเป็นการถ่วงเวลาและยืดเยื้อแบบไม่มีข้อสรุปของการเยียวยา อยากวอนคู่กรณีเห็นใจ เพราะตนไม่ได้ทำงาน ต้องดูแลลูกชาย ไม่มีเงินใช้ ไม่มีเงินผ่อนค่าบ้าน อีกทั้งผ่อนค่ารถที่ประสบอุบัติเหตุด้วย

ขณะที่ นายวิสุทธิ์ ทะวลี ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ช่วงขณะที่เกิดเหตุ ตนขับรถออกจากสี่แยกเนื่องจากได้รับสัญญาณจราจรเป็นไฟเขียว จึงคิดว่าปลอดภัย เมื่อขับโผล่มาทางตรง ปรากฏว่าโดนรถเก๋งทหารอากาศคู่รณีชนอย่างจัง

นายบุญทวี นันสถิต อายุ 56 ปี พ่อของทหารอากาศ กล่าวว่า หลังจากทราบเรื่องลูกชายขับรถชนคู่กรณี ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ เดินทางไปที่โรงพยาบาลในตัว จ.ขอนแก่น เพื่อเยี่ยมและดูอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บพร้อมพูดคุยตกลงกับญาติคู่กรณีของลูกชายในระดับหนึ่งแล้ว

ในวันที่เดินทางไปเยี่ยมคู่กรณีในโรงพยาบาลนั้น ทางหมอและพยาบาลเจ้าของคนไข้บอกว่าเป็นช่วงโควิด-19 จึงไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม แต่ก็สอบถามอาการจากคุณหมอพยาบาลด้วยความเป็นห่วง ทั้งนี้ได้พุดคุยและแสดงความรับผิดชอบทั้งอาการบาดเจ็บการรักษา รายการซ่อมรถกับญาติของคู่กรณีลูกชายแล้ว พร้อมทั้งมอบเงินให้ญาติคู่กรณีจำนวน 5,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานบริษัทประกันภัยก็ทราบเรื่อง

ส่วนในประเด็นที่มีข้อความในเฟซบุ๊กดังกล่าวว่าในทำนองลูกชายตนโพสต์ว่า “ไม่เป็นไร ถือว่าเหยียบงู” แต่เท่าที่ตนสอบถามลูกชายยืนยันว่าไม่ได้โพสต์ข้อความดังกล่าว ซึ่งไม่ทราบว่าผู้โพสต์ระบุข้อความนั้นได้อย่างไร ตนก็ไม่อยากจะโต้ตอบหรือแก้ตัวให้ลูกชาย แต่พร้อมจะเยียวยาให้ค่าสินไหม ไม่ปัดความรับผิดชอบแต่อย่างใด

ซึ่งก็เป็นไปตามกฎระเบียบของพ.ร.บ.และตามกฎหมายกำหนด หรือหากขาดเหลือ ตนก็พร้อมที่จะคุยแสดงความรับผิดชอบ เพียงแต่รอความชัดเจนจากทางบริษัทประกันภัยประเมินความเสียหายของรถ และรวมยอดค่ารักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บขอให้คู่กรณีมั่นใจว่าไม่หนีแน่นอน

ในส่วนที่ผู้โพสต์ระบุว่าลูกชายเมาในขณะขับรถนั้น ตนทราบจากลูกชายว่าไม่ได้เมา แต่เพิ่งกลับมาจากเข้าเวรดึก และจะขับรถไปที่พัก จึงอาจจะทำให้สายตาเบลอ มองไม่เห็นรถจักรยานยนต์คู่กรณี และเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันที่ผ่านมาได้แวะเยี่ยมคู่กรณีหลายครั้ง และพุดคุยกับญาติคู่กรณีตลอด เพราะเข้าใจผู้บาดเจ็บและหัวอกของพ่อแม่ที่ต้องรักลูกเป็นห่วงลูกทุกคน เพราะเป็นคนมีคุณธรรมพอ

ที่มา AMARIN ทุบโต๊ะข่าว

(Visited 11 times, 1 visits today)

You May Have Missed

error: Content is protected !!