จากกรณีชุดค้นหาใต้น้ำกู้ภัยร่วมใจกาฬสินธุ์การกุศล ช่วยกันนำร่างน้องปอน อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.กาฬสินธุ์ ขึ้นมาจากหนองน้ำ หลังจากจมน้ำเสียชีวิตระหว่างร่วมกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ โดยผู้ปกครองและนักเรียนระบุว่าเด็กถูกสั่งให้มุดน้ำ ฐานหนีสงครามหลบระเบิด ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นจนจมน้ำเสียชีวิต เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 มี.ค.64 พ.ต.อ.โสณกุญช์ ทรัพย์สมบัติ ผกก.สภ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยร.ต.อ.อัศวิน หงษ์โยธี พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยเม็ก เจ้าของคดี เรียกกลุ่มเพื่อนนักเรียนของน้องปอน พร้อมด้วยพ่อแม่เข้ามาสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งผู้บริหารและคณะครูมาสอบปากคำ เพื่อสาเหตุการเสียชีวิต

โดยส่วนใหญ่เพื่อนของผู้เสียชีวิตระบุว่า การเข้าร่วมกิจกรรมค่ายลูกเสือ ทุกคนจะถูกสั่งให้เข้าฐานหนีสงครามหลบระเบิดมุดน้ำ โดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันและช่วยเหลือจมน้ำ เช่น เสื้อชูชีพ หรือห่วงยาง รวมทั้งไม่มีการกั้นแนวเขตน้ำตื้นและน้ำลึก ส่วนผู้อำนวยการและคณะครู เบื้องต้นยังไม่พร้อมที่จะให้ปากคำ เนื่องจากอยู่ในอาการเสียใจและช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ขณะที่นายสุรเชษฐ์ พละเอ็น ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 3 พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและเข้าตรวจสอบบริเวณหนองน้ำจุดเกิดเหตุ รวมทั้งสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผู้อำนวยการโรงเรียนและคณะครู พร้อมเตรียมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง

ด้านนายสุนทรา กุลาสา ผอ.โรงเรียนบ้านนาค้อวิทยาคม อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุโรงเรียนจัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ โดยใช้สถานที่สาธารณะหมู่บ้าน ซึ่งมีสระน้ำสาธารณะห่างอยู่ด้านข้างทิศเหนือ มีถนนคั่นกลาง จากโรงเรียนประมาณ 20 เมตร ซึ่งเป็นสถานที่ใช้จัดกิจกรรมค่ายลูกเสือทุกปี โดยการจัดกิจกรรมให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกัน กลุ่มละ 13-15 คน เข้าร่วมกิจกรรมฐานต่างๆ รวม 6 ฐาน ประกอบด้วย ฐานลำเลียงน้ำ ฐานบัวตูมบัวบาน ฐานท่องกฎและคำปฏิญาณ ฐานเงื่อน ฐานปิดตาไต่เขา และฐานหลบระเบิด แต่ละฐานมีครูผู้ควบคุมดูแล 2 คน ซึ่งฐานที่เกิดเหตุเด็กนักเรียนจมน้ำนั้น เป็นฐานที่ 6 ฐานสุดท้าย ได้ให้นักเรียนลงไปในน้ำ เพื่อล้างเนื้อล้างตัว ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุคณะครูได้เฝ้าระวังและเช็กจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมทุกฐาน

นายสุนทรา กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีน้องปอนที่จมน้ำเสียชีวิตนั้น คาดไม่มีใครสังเกตเห็น เนื่องจากก่อนเกิดเหตุมีเด็กนักเรียนคนหนึ่งไม่ได้มาร่วมกิจกรรมในช่วงเช้า แต่กลับมาเข้าร่วมในช่วงบ่าย ซึ่งคณะครูผู้ควบคุมได้เช็กจำนวนนักเรียน หลังจากทุกคนขึ้นมาจากหนองน้ำ พบว่าครบ จึงไม่ได้เอะใจ กระทั่งมาทราบทีหลังว่าหายตัวไปและจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว ยืนยันว่าฐานค่ายลูกเสือที่ลงไปในน้ำ ไม่ได้บังคับให้ลงไปทุกคน

สำหรับบรรยากาศงานศพของน้องปอน ญาติได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้านพัก ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวและญาติ ซึ่งทุกคนต่างติดใจการเสียชีวิตของลูกชายในครั้งนี้ โดยระบุว่าเหตุสลดที่เกิดขึ้น เกิดจากความประมาทของครูที่ควบคุมกิจกรรม

ด้านแม่ของน้องปอน กล่าวว่า วันเกิดเหตุทราบว่าโรงเรียนจะมีการจัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ แต่ไม่ได้แจ้งว่าจะให้เด็กนักเรียนลงไปมุดน้ำ กระทั่งช่วงเย็นไม่เห็นลูกชายกลับบ้าน ซึ่งปกติจะกลับบ้านตรงเวลา ด้วยความเป็นห่วง จึงไปตามหาลูกชายและสอบถามผู้อำนวยการและครูหลายครั้ง ซึ่งทุกคนก็บอกว่าไม่เห็น อีกทั้งยังไม่ค่อยสนใจ ก่อนที่ชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านจะประกาศออกช่วยกันตามหา แต่ก็ไม่พบ จึงเข้าแจ้งความและสอบถามเพื่อนของลูกชาย หลายคนเห็นครั้งสุดท้ายตอนที่ลงไปในสระน้ำร่วมกิจกรรมค่ายลูกเสือ เบื้องต้นคาดว่าลูกชายน่าจะจมน้ำ จึงประสานเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ กระทั่งพบว่าลูกชายจมน้ำเสียชีวิตจริงๆ

แม่ของน้องปอน กล่าวอีกว่า เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้น การเข้าค่ายลูกเสือไม่ควรที่จะต้องไปลงน้ำ มุดน้ำ โดยเฉพาะคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นอย่างเช่นลูกชาย อีกทั้งเท่าที่ทราบการเตรียมความพร้อมเรื่องอุปกรณ์การให้ความช่วยเหลือเด็กก็ไม่มี ซึ่งตนและครอบครัวรู้สึกเสียใจอย่างมากที่ต้องมาเสียชีวิตอย่างกะทันหันอย่างนี้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบและให้ดำเนินการอย่างถึงที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับลูกชายของตนด้วย

สำหรับเรื่องของคดีเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ห้วยเม็ก ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบถามเด็กนักเรียน เบื้องต้นพบว่าการจัดกิกจรรมค่ายลูกเสือ โดยเฉพาะฐานหลบระเบิดที่เป็นจุดเกิดเหตุเป็นสระน้ำขนาดใหญ่กว้างเท่ากับสนามฟุตบอล หลายจุดมีความลึกนั้น ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันและช่วยเหลือจมน้ำ เช่น เสื้อชูชีพ หรือห่วงยาง รวมทั้งไม่มีการกั้นแนวเขตน้ำตื้นและน้ำลึก ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำอย่างละเอียด