แม่ผมเก็บขยะขาย จนผมเรียนจบ ‘ด็อกเตอร์’ จากเด็กเหลือขอที่ไม่มีใครต้องการ วันนี้ผมอยากบอกให้รู้ว่าแม่ผมเก่งแค่ไหน
ในวันรับปริญญา เขาเห็นแม่ยืนยิ้มอยู่แต่ไกล เขารู้ดีว่าท่านปลื้มใจในตัวเขามากแค่ไหน ชีวิตของเขามาไกลเกินฝันเหลือเกิน จากเด็กเร่ร่อน เก็บขยะขาย เด็กเหลือขอที่ไม่มีใครต้องการ เหมือนเศษกรวดเศษหินที่ไม่มีค่า แต่แม่ของเขากลับเก็บขึ้นมาขัดถูด้วยความรัก จนวันนี้ก้อนหินที่ไม่มีค่ากลับกลายเป็นเพชรนิลจินดาขึ้นมาได้
เขาเดินเข้าไปหาแม่ แล้วค่อย ๆ ก้มลง กราบที่เท้าของท่านด้วยความรักเคารพรักอย่างสุดหัวใจ ท่ามกลางสายตาของนักศึกษาและผู้ปกครองชาวญี่ปุ่นที่มองมาด้วยความฉงนสนเท่ห์ เขาไม่รู้จะตอบแทนพระคุณท่านอย่างไรดี สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนั้นคือคำพูดจากใจว่า
แม่ได้แต่น้ำตาซึม พูดอะไรไม่ออก ท่านลูบศีรษะเขาเบา ๆ เขาสองคนแม่ลูกยืนกอดกันด้วยความตื้นตันใจ เขาไม่อ ย า กเชื่อเลยจริง ๆ ว่า คนไม่มีต้นทุนในชีวิตอย่างเขาจะเดินมาถึงจุดนี้ได้ ขณะกอดแม่ น้ำตาไหลอาบแก้มเขา…มันคือน้ำตาแห่งความปีติ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ร้องไห้เสียใจเพราะถูกแม่ตี แต่ร้องไห้ให้กับความเหนื่อย ย า กทั้งหลายในชีวิตที่เขาอดทนต่อสู้ฝ่าฟันมาจนสำเร็จ
ตั้งแต่เกิดครอบครัวของเขายากจนมาก พ่อของเขาเป็นคนขับรถทัวร์ปรับอากาศกรุงเทพฯ – ชุมพร แม่เป็นแม่บ้านมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน พ่อกับแม่แยกทางกัน พ่อพาน้องสาวคนเล็กไปด้วย 1 คนและทิ้งลูก 4 คนไว้ให้แม่
แม่แก้ปัญหาด้วยการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปจำนำ จนไม่มีอะไรให้จำนำได้แล้ว แม่ก็หางานทำ เป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารแต่อยุ่ไกล จึงปล่อยให้ภาระในการดูแลลูกสาวคนเล็กให้กับลูกสาวคนโต
ทุกๆเดือนแม่จะส่งเงินมาให้ใช้จ่ายกันครอบครัว 5OO บาทบ้าง 3OO บาท บ้างเป็นค่าเช่าบ้าน, อีก 2OO บาทเพื่อกินสำหรับเด็ก 4 คน แต่มันไม่เคยพอใช้ พี่สาวต่างพ่อที่เป็นพี่คนโตหอบเสื้อผ้าหายไปตอนอายุ 15 ปี ทุกวันนี้เป็นอย่างไรเขาก็ไม่อาจทราบได้ ส่วนพี่ชายต่างพ่อไปเป็นลูกเรือตังเก
ตอนนั้นชีวิตของเขาต้องฝากไว้กับพี่สาวอีกคน เขาไม่ค่อยอนาทรร้อนใจกับการหายตัวไปของพี่สาวและพี่ชายมากนัก ด้วยความเป็นเด็ก เขาคิดว่า ดีเสียอีก พวกพี่ ๆ ไปแล้ว ภาระค่าใช้จ่ายจะได้ลดลง เพราะถ้าอยู่กันครบ เงินก็ไม่พอใช้ ถึงแม้ว่าจะมีคนหายไปแล้วสองคน ค่าใช้จ่ายก็ไม่พออยู่ดี สองคนพี่น้องต้องอยู่อย่างอดอยาก
วันนั้นเขาสองคนพี่น้องไม่มีเงินเลยสักบาท พี่สาวจึงชวนเขาไปเด็ดผักบุ้งในบึงเล็ก ๆ ใกล้บ้าน นำอิฐสามก้อนมาวางแล้วก่อกองไฟ นำผักบุ้งที่เด็ดได้มาผัดในน้ำเปล่าๆกินประทังชีวิต ด้วยความอดอยากหิวโหยมาหลายวัน เขากินผักบุ้งผัดกับน้ำเปล่าด้วยความเอร็ดอร่อย เหมือนเป็นของกินแสนวิเศษที่ไม่เคยกินมาก่อน แต่กินผัดผักบุ้งแบบนี้ได้ไม่เกินสองวัน ร่างกายของเขาก็เริ่มประท้วงอ้วกออกมาจนหมด
พี่สาวจึงเดินร้องไห้ไปขอข้าวของเพื่อนบ้านมาให้เขากิน นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้เขารู้ว่า เขาขอคนอื่นกินได้ หลังจากนั้นไม่นานเมื่อพี่สาวคนนี้หนีความจนไปอีกคน เขาก็ใช้ชีวิตเป็นเด็กเร่ร่อน กลับบ้านบ้าง ไม่กลับบ้าง และเริ่มหนีเรียน
เขาแต่งตัวเหมือนไปโรงเรียนทุกวัน ตกเย็นเขาแสร้งทำเป็นว่ากลับมาจากโรงเรียน ด้วยการมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน แล้วใส่ชุดอยู่บ้านออกไปวิ่งเล่นแทน เพราะไม่อยากให้เพื่อนบ้านสงสัย จากเด็กธรรมดา ๆ เขาก้าวเข้าไปสู่การเป็นเด็กขอทานเต็มขั้น เนื้อตัวมอมแมมมแถมยังขี้ขโมยอีกต่างหาก
ส่วนใหญ่เขาจะกินนอนอยู่ที่ บขส. เขากินข้าวที่เหลือในจานของผู้โดยสารที่มารอรถ ใช้ชีวิตคนเดียวราวสองปี หลังจากนั้นแม่ก็กลับมาอยู่ด้วย วันแรกที่แม่กลับมาเขาดีใจมากแต่ด้วยที่อยู่คนเดียวมานาน เขาเป็นคนเอาแต่ใจและดื้อกับแม่มาก
ในวันหยุดเขาสองคนแม่ลูกจะข่วยกันเข็น “รถรุน” ที่ใช้สำหรับเข็นเศษอาหารไปให้หมูกิน ไปเก็บขยะรอบ ๆ เมืองชุมพร ส่วนตอนเย็นเขากลับมาจากโรงเรียน แม่ก็เรียกให้มาช่วยแยกขยะที่กองอยู่ในรถเข็น แม่พ ย า ย า มให้เขาไปเรียนทุกวัน เช้าวันหนึ่งส้วมเต็ม ใช้งานไม่ได้ เขางอแงไม่อ ย า กไปโรงเรียน แล้วในค่ำวันนั้นเอง เขาก็เห็นแม่ลุกจากเตียง เดินอย่างแผ่วเบาลงมาจุดเทียนที่ชั้นล่างเพราะกลัวเขาจะตื่น
เขาแอบเห็นแม่ค่อย ๆ ใช้ค้อนสกัดเซาะขอบปูนของส้วมซึมเพื่อเปิดให้มีช่อง แล้วใช้กระป๋องสีที่ไม่ใช้แล้วตักสิ่งปฏิกูลที่อยู่ข้างในออกมาทีละกระป๋อง เดินตัวเอียง นำไปเททิ้งให้ห่างจากละแวกบ้าน เขาลุกมานั่งตรงบันได แอบมองแม่อยู่เงียบ ๆ คนเดียว จากสามทุ่มจนถึงตีสอง แม่ไม่ได้หยุดพักเลย ที่ผ่านมาแม่ทำอะไรเพื่อเขาตั้งหลายอย่าง
“แล้วตัวเขาเองล่ะ เคยทำอะไรเพื่อแม่บ้าง ทำไมถึงไม่ตั้งใจเรียน” เขาถามตัวเองอยู่ในใจ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาตั้งใจเรียนจนสอบได้คะแนนดี หลังจบชั้นประถมก็ได้โควตาไปเรียนต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนประจำจังหวัด
การทำอาชีพเก็บขยะมันสอนให้เขาเห็นคุณค่าของสิ่งที่คนอื่นมองว่าไร้ค่า และสอนให้เขารู้จักอดทน ในวันเสาร์-อาทิตย์ เขาจะนั่งรถเข็นของแม่ไปช่วยแม่เก็บขยะรอบเมือง บางครั้งแม้แดดจะร้อน ขยะจะเหม็น เขาก็ต้องทน ความ ยากลำบากในชีวิตทำให้มุ่งมั่นในการเรียนเพื่อทำให้แม่ยิ้มได้อีกครั้ง เมื่อเรียนมัธยมเขาก็เรียนต่อในระดับ ปวช. ต่อด้วยปวส.
เขาเรียนดีได้ที่หนึ่งมาตลอด และได้รับทุนการศึกษาในช่วงเรียนปริญญาตรีที่มหาวิท ย า ลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โดยมีข้อแม้ว่า เรียนจบแล้วเขาจะต้องเป็นอาจารย์สอนที่นั่น สอนไปได้สักระยะ เขาก็สอบเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
หลังจากนั้นเขาก็ได้รับทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกด้านวิศวกรรมศาสตร์ที่สถาบันเทคโนโลยีนิปปอน เมืองไซตะมะ ประเทศญี่ปุ่น วันที่เรียนจบเขาเก็บเงินซื้อตั๋วเครื่องบินส่งไปให้แม่และน้องสาวที่ตอนหลังได้กลับมาอยู่ด้วยกัน เดินทางมาแสดงความยินดีกับเขา เขาเฝ้านับวันรอคอยให้ถึงวันนั้น วันที่คนซึ่งเขารักมากที่สุดจะได้มาชื่นชมยินดีกับความสำเร็จของเขา
ขอบคุณ ที่มา นิตยสาร Secret ฉบับที่ 139 เรื่องโดย : ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ เรียบเรียง : เสาวลักษณ์ ศรีสุวรรณ ภาพโดย : ฝ่ายภาพ อมรินทร์พริ้นติ้งฯ เรียบเรียง ปริญญาชีวิต