ตร.จำลองเหตุการณ์ ฝึกลูกเสือ พบจุดเจอร่างม.3 ห่างฝั่ง8เมตร ลึก3เมตร ครูยันไม่ได้บังคับ
จากกรณีชุดค้นหาใต้น้ำกู้ภัยร่วมใจกาฬสินธุ์การกุศล ช่วยกันนำร่าง นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.กาฬสินธุ์ ขึ้นมาจากหนองน้ำ
หลังจากจมน้ำเสียชีวิตระหว่างร่วมกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ โดยผู้ปกครองและนักเรียนระบุว่าเด็กถูกสั่งให้มุดน้ำ ฐานหนีสงครามหลบระเบิด ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นจนจมน้ำเสียชีวิต เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 18 มี.ค. 2564 พ.ต.อ.โสณกุญช์ ทรัพย์สมบัติ ผกก.สภ.ห้วยเม็ก สั่งการให้พนักงานสอบสวน ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บหลักฐานที่หนองน้ำสาธารณะ
ซึ่งเป็นจุดที่น้องปอนด์จมน้ำเสียชีวิต และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมค่ายลูกเสือห่างจากโรงเรียนประมาณ 20 เมตร
โดยเจ้าหน้าที่ ได้มีการจำลองเหตุการณ์พบว่าจุดที่พบร่างของน้องปอนด์ห่างจากฝั่ง 8 เมตร มีความชันและลึกประมาณ 3 เมตร ลักษณะเป็นแอ่งกระทะ อยู่ใกล้กับจุดที่นักเรียนลงน้ำร่วมกัน ในกิจกรรมฐานหลบระเบิด
ซึ่งเป็นกิจกรรมฐานที่ 6 ที่ให้เด็กนักเรียนลงไปในหนองน้ำ เพื่อฝึกดำน้ำ โดยมีครูโยนก้อนโคลนจำลองเหตุการณ์หลบระเบิด
ทั้งนี้การตรวจสอบที่เกิดเหตุและจำลองเหตุการณ์ มีนายสุนทรา กุลาสา ผอ.โรงเรียนนาค้อวิทยาคม นางสุรีย์ นามเทพ ครูชำนาญการพิเศษ และนายณรงค์ รัตนบุตร ครูชำนาญการพิเศษ ซึ่งทั้งสองคนเป็นครูฝึกผู้ดูแลควบคุมฐานหลบระเบิดที่เกิดเหตุร่วมให้ข้อมูล
นางสุรีย์ กล่าวว่า สำหรับการเข้าฐานหลบระเบิด เป็น 1 ใน 6 ฐานของกิจกรรมค่ายลูกเสือที่โรงเรียนจัดขึ้น โดยแต่ละฐานจะมีครูผู้ดูแล ควบคุมฐานละ 2 คน ซึ่งจัดกิจกรรมฐานหลบระเบิด มีตนและนายณรงค์ เป็นผู้ดูแลควบคุม
โดยก่อนที่นักเรียนทุกกลุ่มจะลงไปในน้ำนั้น ทางครูได้เช็กความพร้อม และได้สอบถามว่าใครมีปัญหาโรคประจำตัว ใครว่ายน้ำไม่เป็น
หรือหากเป็นเด็กนักเรียนหญิงก็จะถามว่าใครเป็นประจำเดือนบ้าง ซึ่งหากไม่พร้อมก็ไม่ให้ลงไปในน้ำ แต่หากใครสมัครใจอยากลงก็ลงได้ ไม่ได้บังคับ อีกทั้งก่อนลงน้ำและหลังขึ้นจากน้ำก็มีการเช็ครายชื่อและจำนวนนักเรียนทุกกลุ่ม อีกทั้งจุดที่ลงไปในน้ำก็ไม่ได้ให้ลงไปลึกมาก ห่างจากฝั่งประมาณ 1 เมตร มองเห็นพื้นดิน จึงไม่ได้ทำแนวกั้นไว้
ซึ่งครูก็คอยดูแลตลอดเวลา เพราะมีเด็กนักเรียน ป.4 ร่วมกิจกรรมด้วย สำหรับกลุ่มของน้องปอนด์นั้นมีทั้งหมดประมาณ 7 คน ซึ่งได้ลงไปในน้ำก็ได้มีการเช็คชื่อและจำนวนทั้งก่อนลงและหลังขึ้นจากน้ำก็ครบจำนวน ซึ่งตนยืนยันว่ายังเห็นน้องปอนด์ขึ้นมาจากน้ำพร้อมเพื่อนๆอยู่ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครูทุกคนก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก
นายณรงค์ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องให้เด็กลงน้ำนั้น เนื่องจากเด็กๆชอบและสนุก ปีที่แล้วจัดอีกฝั่งของหนองน้ำเป็นแนวคลองน้ำ ซึ่งไม่ลึก สำหรับฐานหลบระเบิดนั้น ได้สมมุติเป็นเหตุการณ์กำลังหนีภัยสงคราม ให้นักเรียนเดินเลียบตามตลิ่งข้ามแม่น้ำไปอย่างเงียบๆ แต่หากเสียงดังข้าศึกก็จะรู้และจะโยนระเบิดลงมา โดยครูจะปั้นโคลนจำลองเป็นระเบิดโยนลงไป
ซึ่งก่อนทำกิจกรรม ตนได้แจ้งให้เด็กเรียนว่าหากใครไม่พร้อมก็ไม่ต้องลงน้ำ ให้นั่งรอกับครูสุรีย์ผู้ดูแลฐานอีก 1 คนที่ใต้ร่มไม้ อีกทั้งระหว่างจัดกิจกรรมตนและครูทุกคนก็เฝ้าดูแลอยู่ตลาดเวลา ส่วนกลุ่มของน้องปอนด์นั้นมีประมาณ 7-8 คน มาถึงฐานฯ พร้อมกับกลุ่มของนักเรียนชั้น ป.4 ป.5และ ป.6 ซึ่งไม่ได้เช็กจำนวนอีกรอบ เพราะฐานบัวตูมบัวบานที่อยู่ใกล้กันเช็กแล้ว
แต่นักเรียนได้รายงานตัวว่าพร้อมทำกิจกรรมจึงได้ให้ลงไปในน้ำ อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าการที่น้องปอนด์จมน้ำเสียชีวิตนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงที่ร่วมกิจกรรม เพราะหากจมน้ำในตอนนั้น เนื่องจากมีครูเฝ้าอยู่และมีเพื่อนๆอยู่ด้วยหลายคน ซึ่งจะต้องมีคนเห็น ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น คาดว่าน้องคงมาล้างตัวหลังเสร็จกิจกรรมและจมน้ำในช่วงนั้น
นางบัวรื่น สีทา อายุ 48 ปี แม่ของน้องปอนด์ กล่าวว่า ถึงตอนนี้ครอบครัวยังเสียใจอย่างมากและยังทำใจไม่ได้ ซึ่งเท่าที่สอบถามเพื่อนของลูกชายทราบว่าระหว่างที่ลงน้ำเห็นน้องปอนด์ แต่ขณะขึ้นมากลับไม่เห็น ซึ่งทางครูและโรงเรียนไม่น่าที่จะจัดกิจกรรมลงน้ำซึ่งมีความเสี่ยงจนลูกชายเสียชีวิตในครั้งนี้เลย อย่างไรก็ตามจะทำพิธีฌาปณกิจในวันพรุ่งนี้
ด้านพ.ต.อ.โสณกุญช์ ทรัพย์สมบัติ ผกก.สภ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในเรื่องของคดีล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุแล้ว เบื้องต้นยังไม่ได้เรียกใครมาสอบปากคำ เนื่องจากผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ยังไม่พร้อมทั้งผู้ปกครองเด็กที่เสียชีวิต และคณะครู เพราะทุกคนยังช่วยงานอยู่
คาดว่าหลังจากทำพิธีฌาปณกิจในวันพรุ่งนี้แล้ว พนักงานสอบสวนจะเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำต่อไป
ที่มาข่าวสด