แม่เอาเรื่อง! ลูกถูกราดซีม่า รุ่นพี่โหดเกินไป โรงเรียนโร่ดูแล ลงโทษรุ่นพี่-สั่งสอบครู

จากกรณีเกิดเหตุนักเรียนพี่เลี้ยงชั้น ป.5 และชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เขาพนม ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ ได้ก่อเหตุใช้ยาซีม่าราดตัวของเด็กชายวัย 9 ขวบชั้น ป.2 จนมีอาการสาหัส มีแผลพุพองตามร่างกายจำนวนมาก แต่ปรากฏว่าครูไม่ยอมนำส่ง รพ. จนพี่ชายและพี่สาวของนักเรียนที่ถูกทำร้ายที่เรียนในที่เดียวกัน ต้องไปยืมโทรศัพท์ช่างทำประตูโทรหาแม่ให้มารับไปรักษาตัวที่ รพ.เขาพนม โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 มี.ค. จนกระทั่ง 23 มี.ค. แม่จึงนำส่ง รพ.ด้วยตนเอง ซึ่งต่อมาทาง รร.ต้นสังกัด ออกมาชี้แจงว่า ได้ตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เบื้องต้นสาเหตุที่เด็กพี่เลี้ยงทำไปเพราะทายาให้เด็กที่เป็นหิด

ล่าสุด วันนี้ (25 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ รพ.เขาพนม แพทย์ได้เข้าทำการรักษาเด็กชายภูผา ซึ่งยังคงรักษาตัวอยู่ โดยแพทย์ระบุว่า เด็กโดนยาซีม่ามาในปริมาณมาก จนทำให้ร่างกายมีบาดแผลพุพองประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของร่างกาย ซึ่งได้เกิดแผลมาระยะประมาณ 3 วันแล้ว มาถึงหมอถือว่ามีอาการหนัก จึงได้ทำการรักษาตามขั้นตอนจนขณะนี้แผลเริ่มดีขึ้น แต่ที่น่าห่วงคือบริเวณอวัยวะเพศและขาหนีบที่ยังมีน้ำเหลืองอยู่ แต่ก็ดีขึ้นตามลำดับ เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่วัน แต่คงเป็นเดือนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ

ขณะที่ช่วงเที่ยงที่ผ่านมาทาง ผอ.และ คณะครูโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 37 ได้เดินทางไปที่ รพ.เขาพนม และทำเรื่องย้ายเด็กจากห้องรวมไปยังห้องพิเศษ ซึ่งทางโรงเรียนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายค่าห้องประมาณวันละ 1 พันบาท และค่ารักษาทั้งหมด

นายศักดิ์ชัย สุวรรณราช ผอ.โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 37 กล่าวว่า รู้สึกกังวลหลังทราบว่าแม่ของเด็กยังยืนยันที่จะแจ้งความกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทางโรงเรียนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดจากความบกพร่อง

ส่วนการสอบสวนของคณะกรรมการที่โรงเรียนตั้งขึ้นมานั้น ผลออกมาแล้วว่า เด็กพี่เลี้ยงมีความผิด เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็จะได้ทำโทษตามระเบียบคือ การว่ากล่าวตักเตือน และตัดคะแนนความประพฤติ

นอกจากนี้ ผอ. ระบุว่า ส่วนครู ขณะนี้ได้ตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นมาแล้วเช่นกัน หากมีความประมาท หรือผิด ก็จะดำเนินการลงโทษตามระเบียบต่อไป ทั้งนี้ทางโรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนในกับเรื่องที่เกิดขึ้น และก็ไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้ หลังจากนี้คงต้องหามาตรการที่เข้มข้นมาใช้ในการป้องกันต่อไป

ที่มามติชน

(Visited 8 times, 1 visits today)

You May Have Missed

error: Content is protected !!